น.ส.เกศปรียา เดียร์) แก้วแสนเมือง ผู้สมัครลงรับเลือกตั้งแบบเขตเบอร์ 9 เขต 2 ปทุมวัน สาทร ราชเทวี พรรคเพื่อชาติ กับเส้นทางการเมืองที่เลือกเดิน
จากอดีตผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ ที่จัดว่าเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงและเป็นวัยกำลังสร้างตัว จึงมองหาอะไรใหม่ๆเข้ามาเติมเต็มในชีวิตเสมอ จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีก่อนกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยโดนเผด็จการยึดอำนาจในวันนั้น เกิดกระแสที่ทุกพรรคการเมืองระดมกำลังคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน
ส่วนตัวก็ถือว่าเป็นคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสดีๆจากผู้ใหญ่ที่ได้ชักชวนให้เข้ามาสู่สนามการเมือง ซึ่งผู้ใหญ่คนนั้นก็คือ นายยงยุทธ ติยะไพรัช จากนั้นเส้นทางการเมืองของตนก็เริ่มขึ้นในตำแหน่ง “โฆษกพรรคเพื่อชาติ”
เกศปรียา กล่าวว่า คนส่วนใหญ่รู้จักตนในฐานะที่เป็นโฆษกพรรคเพื่อชาติที่ออกมารณรงค์สนับสนุนเรื่องผ้าอนามัยฟรีสำหรับผู้หญิง ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งของผู้หญิงทุกคน อีกทั้ง ประเด็นด้านความเท่าเทียมและสิทธิสตรี ก็เป็นสิ่งที่ตนออกมาขับเคลื่อนอยู่บ่อยครั้งจนกลายเป็นภาพจำของตนไปแล้ว นอกจากด้วยความที่ตนเป็นคนตรงไปตรงมา เวลาที่ออกมาพูดอะไรในพื้นที่สื่อก็จะกล้าพูด จนทำให้พี่ๆสื่อมวลชนให้ฉายาว่า “โฆษกฝีปากกล้า”
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมถึงเลือกที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งในเขต 2 ปทุมวัน สาทร ราชเทวี
สำหรับคำถามนี้คำตอบคือ เขต 2 ปทุมวัน สาทร ราชเทวี เป็นเขตการศึกษาและเป็นพื้นที่ CBD หรือ Central Business District หมายความว่า ย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร เดียร์และพรรคเพื่อชาติมุ่งผลักดันนโยบายการศึกษา เพราะพรรคเพื่อชาติเห็นว่าเรื่องการศึกษาถือเป็นรากฐานของเด็กและเยาวชนที่ควรได้รับการวางรากฐานตั้งแต่แรกเกิดเพื่อให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและเท่าเทียมกัน
นอกจากนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่วงการการเมืองส่วนตัวทำงานและพักอาศัยอยู่ย่านนี้ และเมื่อลงรับสมัครเลือกตั้งจึงอยากจะอาสาขอเป็นคนกลาง ในการที่จะเชื่อมโยงทุกภาคส่วนของสังคมเข้าด้วยกันด้วยการนำ“นโยบายทลายกำแพงใจ” ของพรรคเพื่อชาติมาใช้ เพราะตนมองว่า ชีวิตประจำวันที่ยุ่งเหยิง ปัญหาการจราจร ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจการหาเลี้ยงชีพ สร้างคนเมืองที่เห็นแก่ตัวกันมากขึ้น ดังนั้น นโยบายทลายกำแพงใจ จะส่งเสริมให้สังคมหมดความขัดแย้ง โดยอาสาเป็นเกาะกลางสร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้นในสังคม ประเทศชาติจะได้พร้อมก้าวไปข้างหน้า
“หากเดียร์มีโอกาสได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เดียร์มุ่งมั่นและตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้กรุงเทพกลับมาเป็นสังคมแห่งวัฒนธรรมแห่งความมีน้ำใจให้สมกับที่ประเทศไทยได้รับฉายาว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม
อยากขอให้มั่นใจว่าเดียร์พร้อมที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนของทุกคน พร้อมที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับพี่น้องประชาชน และพร้อมที่จะทำหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ตามสโลแกนของพรรคเพื่อชาติที่จะทำเพื่อพี่น้องประชาชนเพื่อชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า” เกศปรียา กล่าวทิ้งท้าย