เมื่อ : 22 พ.ค. 2566

           

หลายปีที่ผ่านมาหลายหน่วยงานมีการพูดถึงการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่  Medical Hub หรือการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ  หลังเล็งเห็นโอกาสและศักยภาพทางการแพทย์จากที่ชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาใช้บริการจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี กระทั่งเกิดวิกฤตโควิด-19 ยุทธศาสตร์นี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอย่างจริงจังเพื่อขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ตามความต้องการของตลาดโลก

 

ขณะที่ในปี 2566 ภาคธุรกิจศัลยกรรมความงามมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 2% ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชาวจีนที่ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ และปีนี้คาดว่าตัวเลขสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะขยายตัวได้แบบก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นเป็น 20-30%   สำหรับในประเทศไทยหนึ่งในสถานเสริมความงามที่ต่างชาตินิยมเดินทางเข้ามาทำศัลยกรรมกันอย่างต่อเนื่องคือศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด  เราได้สรุปบทสัมภาษณ์ของ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล  แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด   ที่ได้เปิดเผยมุมมองต่อเรื่องดังกล่าวผ่านประสบการณ์ตรงว่าทำไมศัลยแพทย์ไทยและศัลยกรรมความงามเมืองไทยมีความนิยมระดับโลก

 

 

 

 

“ศัลยกรรมเมืองไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก” ในสายตาชาวต่างชาติประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงประเทศที่โด่งดังด้านการท่องเที่ยว แต่ชื่อเสียงเรื่องศัลยกรรมของไทยนั้นก็เป็นอีกหนึ่งในชื่อเสียงที่ถูกชาวต่างชาติกล่าวขาน ปัจจุบันจึงทำให้ต่างชาตินิยมเดินทางมาประเทศไทยเพื่อใช้บริการด้านการแพทย์และหนึ่งในนั้นคือ “ศัลยกรรม”  แม้ว่าจะมีคนไทยจำนวนหนึ่งคลั่งไคล้และบินไปทำศัลยกรรมถึงต่างแดน แต่ในทางกลับกันที่ศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมดกลับมียอดจองทำศัลยกรรมจากชาวต่างชาติข้ามปี  โดยเหตุผลสำคัญคือ ความชำนาญ และชื่อเสียงแพทย์ที่ได้รับการแนะนำแบบปากต่อปาก รวมทั้ง ผลลัพธ์หลังการศัลยกรรม ด้วยเทคนิคบางมด ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะทาง ทำให้แผลเล็ก พักฟื้นน้อย และดูเป็นธรรมชาติ ถือเป็นจุดแข็งที่สามารถตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ เพราะใช้ระยะเวลาพักฟื้นสั้นๆ ก็สามารถเดินทางกลับได้