สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 แถลงผลการจับกุมการลักลอบหนีศุลกากร ปีงบฯ 2566 พร้อมจับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมทำลายของกลาง มูลค่า 40 ล้านบาท
สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 แถลงผลงานการจับกุมสินค้าลักลอบหนีภาษีศุลกากร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พร้อมจัดพิธีทำลายของกลางประเภทบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ และสินค้าละเมิดเครื่องหมาย โดยของกลางที่นำมาทำลายได้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายศุลกากรและมีการดำเนินคดีจนถึงที่สุดแล้ว จำนวน 20 คดี รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท
วันนี้ ( 12 กรกฎาคม 2566) เวลา 10.00 น. นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย และหน่วยงานในจังหวัดหนองคาย ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดหนองคาย (ท.) หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตหนองคาย
กองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร่วมด้วยรองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และคณะกรรมการทำลายของกลาง ร่วมกันแถลงผลงานการจับกุมสินค้าลักลอบหนีภาษีศุลกากร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในรอบ 3 ไตรมาส (1 ตุลาคม 2565 ถึง 30 มิถุนายน 2566)
พร้อมจัดพิธีทำลายของกลางประเภทบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ และสินค้าละเมิดเครื่องหมาย ณ สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
นายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ให้เข้มงวดในการป้องกันและปราบปราม สินค้าลักลอบหนีศุลกากร หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ของต้องห้ามของต้องกำกัด และสินค้าที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง
สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 โดยการสั่งการของ นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ได้มอบหมายให้ นายชนินทร์ ศุภรินทร์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร และนายภาคิน เทียบคำ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ร่วมกับ ด่านศุลกากรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และหน่วยสืบสวนปราบปรามประจำพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 2 ส่วนสืบสวนปราบปราม 1 กองสืบสวนและปราบปราม
ได้จับกุมและตรวจยึดของกลาง อาทิ บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า ซากสัตว์ป่าประเภทหนังช้าง และเกล็ดตัวนิ่ม ต้นพันธุ์ทุเรียน สินค้าแบรนด์เนม หน้ากากอนามัย ซึ่งผลงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในรอบ 3 ไตรมาส สามารถจับกุมสินค้าดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 28 คดี รวมมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ ประมาณ 50 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 28 คดี รวมมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ ประมาณ 50 ล้านบาท
ทั้งนี้การทำลายของกลางประเภทบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ และสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งเป็นของต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยของกลางที่นำมาทำลายได้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมายศุลกากรและมีการดำเนินคดีจนถึงที่สุดแล้ว จำนวน 20 คดี จากจำนวน 28 คดี รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 62888 ชิ้น น้ำหนัก 5750.75 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ ประมาณ 40 ล้านบาท
แบ่งเป็น บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ (เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หัวบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับดูดและอุปกรณ์อื่น) 19 คดี จำนวน 60657 ชิ้น น้ำหนัก 5205.05 กิโลกรัม และ สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้า (กระเป๋าและอื่น ๆ) 1 คดี จำนวน 2231 ชิ้น น้ำหนัก 545.7 กิโลกรัม ซึ่งของกลางทั้งหมดจะนำไปทำลายโดยวิธีบด ตัด ทำลายให้เสื่อมสภาพ เพื่อไม่ให้นำกลับมาใช้ได้อีก หลังจากนั้นองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย ได้ให้ความอนุเคราะห์นำไปกำจัดให้ถูกต้องตามหลักวิธีการต่อไป