เมื่อ : 23 ก.ค. 2567

 

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2567 เวลา 13.00 น. ณ สมาคมการประมงสมุทรสาคร อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครในการประชุมหารือร่วมกับผู้แทนสมาคมการประมง 16 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน พร้อมร่วมสังเกตการณ์ขั้นตอนการรับซื้อปลาหมอคางดำ ณ จุดรับซื้อจริง และชมการสาธิตการทำน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำโดยกรมพัฒนาที่ดิน 
         

 

 

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งกรมประมงได้มีการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวฯ เป็นการเร่งด่วนผ่าน 5 มาตรการสำคัญ พร้อมทั้งบูรณาการทำงานร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินในการนำปลาหมอคางดำที่จับขึ้นมาได้ไปผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ และประสานความร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทยในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดตั้งจุดรับซื้อปลาหมอคางดำในพื้นที่ระบาดทุกแห่ง 

 

ซึ่งขณะนี้ กรมประมงได้มีการรวบรวมแพปลาที่ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการด้านการประมง (ทบ.2) กับกรมประมง ในพื้นที่ที่มีการระบาด 14 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร 
สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา รวมทั้งสิ้น 49 จุด สำหรับพิจารณาจัดตั้งเป็นจุดรับซื้อปลาหมอคางดำ

 

โดยการันตีราคารับซื้อที่กิโลกรัมละ 15 บาท ก่อนรวบรวมปลาหมอคางดำที่รับซื้อไว้ไปให้สถานีพัฒนาที่ดินแต่ละพื้นที่ผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ เพื่อส่งมอบให้การยางแห่งประเทศไทยนำไปแจกจ่ายแก่เกษตรกรในโครงการแปลงใหญ่ฯ เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่สวนยางกว่า 200000 ไร่ โดยจะเริ่มเปิดจุดรับซื้อปลาหมอคางดำทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 นี้ เป็นต้นไป
         

 

 

สำหรับการลงพื้นที่ของคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรในครั้งนี้ที่จังหวัดสมุทรสาครซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีรายงาน
การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเป็นที่แรกและมีการระบาดมากที่สุด ได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินการตาม 5 มาตรการสำคัญ จนสามารถกำจัดปลาหมอคางดำจากแหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อเพาะเลี้ยงของเกษตรกรนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานปลาป่นและผู้ประกอบการเกี่ยวเนื่องได้มากกว่า 500 ตัน 

 

ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดมากที่สุด กรมประมงจึงได้มีการนำร่องจัดตั้งจุดรับซื้อปลาหมอคางดำขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ทั้งหมด 5 จุด ประกอบด้วย 
1. แพธนูทอง หมู่ 2 (ริมคลองพิทยาลงกรณ์) ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โทร. 0804646479
 2. แพนางจารุจันทร์ จารวิไพบูลย์ (แพมิตร) หมู่ 2 (ริมคลองพิทยาลงกรณ์) ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โทร. 0873647298
3. นายชัยพร กรุดทอง (บอย) 72 หมู่ 6 ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร (คลองเจ๊ก) โทร. 0626585323
4. นายเฉลิมพล เกิดปั้น หมู่ 5 ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร โทร. 0871714414และ 

5. แพนายวิชาญ เหล็กดี หมู่ 2 (ริมคลองพิทยาลงกรณ์) ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โทร. 0971950564 ซึ่งเป็นจุดที่ทางคณะผู้บริหารได้ร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ 

 

โดยแพนายวิชาญได้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ และตั้งเป็นจุดรับซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานปลาป่นตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 พบว่าปัจจุบันมีการรับซื้อปลาหมอคางดำจากเกษตรกรและชาวประมงไปแล้วทั้งหมด 202053 กิโลกรัม 
         

 

 

นอกจากนี้ รัฐมนตรีและคณะผู้บริหารยังได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำโดยสถานีพัฒนาที่ดินสมุทรสาคร กรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาครได้มีการประสานในการรับซื้อปลาหมอคางดำสำหรับผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง (สูตรไนโตรเจนสูง) จำนวน 4000 ลิตร โดยได้แจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ กลุ่มหมอดินอาสา กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชผัก ฝรั่ง ลำไย มะพร้าวน้ำหอม และพลู คิดเป็นพื้นที่ได้รับประโยชน์รวมกว่า 533 ไร่ อีกด้วย
        

โดยในวันนี้ได้มีการประชุมหารือการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำร่วมกับผู้แทนสมาคมการประมงทั้ง 16 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบทั้ง 9 มาตรการ ตามที่ทางสมาคมฯ เสนอ อาทิ การกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ การผ่อนผันเครื่องมือประมงพื้นบ้านที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการใช้จับปลาหมอคางดำ การจัดสรรงบประมาณเร่งด่วนสนับสนุนในการกำจัดปลาหมอคางดำให้กับชาวประมง และการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจในแต่ละจังหวัด เป็นต้น 

 

 

 

ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายกรมประมงนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ โดยได้มอบหมาย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ พร้อมนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอเป็นวาระแห่งชาติต่อไป
         

ล่าสุด กรมประมงได้มีการออกประกาศกรมประมง เรื่อง ประชาสัมพันธ์ห้ามเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 เพื่อประชาสัมพันธ์เน้นย้ำ สร้างการรับรู้ และการตระหนักรู้อย่างจริงจัง โดยมีสาระสำคัญว่า หากผู้ใดฝ่าฝืนทำการเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 144 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากนำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบเห็นเหตุดังกล่าวให้แจ้งสำนักงานประมงจังหวัดหรือสำนักงานประมงอำเภอในเขตท้องที่ทุกแห่ง หรือแจ้งเบาะแสพิกัดที่พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอดเวลาที่ https://shorturl.asia/3MbkG

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ