เมื่อ : 13 ม.ค. 2568

 

 จากรายงานของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ปัจจุบัน มีผู้ป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังระยะ ที่ 1-5 สูงถึงกว่า 1000000 ราย ซึ่งผู้ป่วยโรคไตนั้น จะต้องลดอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียมและโพแทสเซียม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน ที่ผ่านมาสถาบันโภชนาการหลายแห่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ มี ความพยายามที่จะใช้นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และโภชนาการในการลดปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมที่ผู้ป่วย ได้รับให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม หากแต่ในอาหารเป็นจำนวนมากมีทั้งโซเดียมและโพแทสเซียมอยู่แทบทั้งสิ้น 

 

โดยเฉพาะในเครื่องปรุงชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา ซีอิ้ว และอาหารสำเร็จรูป จึงเป็นไปได้ยากที่ผู้ป่วยจะ สามารถควบคุมปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมได้ตามที่แพทย์กำหนด  แต่ในที่สุดก็ได้มีทีมวิจัยคนไทยที่ทำการวิจัย “การผลิตน้ำปลาโซเดียมและโพแทสเซียมต่ำโดยใช้ เทคโนโลยีการแยกสารผ่านเยื่อด้วยไฟฟ้า” ตั้งแต่ปี 2552 จนกระทั่งประสบสำเร็จเมื่อไม่นานมานี้ และได้ น้ำปลาที่สามารถให้ผู้ป่วยโรคไต รวมถึงผู้ป่วยโรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ที่มีความละเอียดอ่อนต่อ ปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมบริโภคได้ โดยใช้ระยะเวลาในการคิดค้นและพัฒนานานกว่า 15 ปี

 

ศาสตราจารย์ ดร.สักกมน เทพหัสดิน ณ อยุธยา อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า “น้ำปลา โซเดียมและโพแทสเซียมต่ำน้ี ได้รับการพัฒนาคิดค้นเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ โดยแยกโซเดียมและ โพแทสเซียมออกจากหัวน้ำปลาด้วยกระบวนการแยกสารผ่านเยื่อด้วยไฟฟ้า 

 

ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีใช้ใน อุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมผลิตเครื่องปรุงรส แต่เรานำมาประยุกต์ใช้โดยนำมาปรับปรุงและปรับเปลี่ยน ให้เหมาะสมจนสามารถผลิตน้ำปลาแท้ที่ลดทั้งโซเดียมและโพแทสเซียมลงได้ถึง 40% (เมื่อเทียบกับน้ำปลา โดยทั่วไป) ที่สำคัญคือไม่ได้ใช้โพแทสเซียมเพื่อทดแทนโซเดียม จึงเป็นน้ำปลาที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้บริโภค” 

 

จุดเด่นของน้ำปลาที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สักกมน กล่าวว่า นอกจากเป็นน้ำปลาที่มีปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมต่ำแล้ว ยังคงมีสี กลิ่น และรสชาติเหมือนน้ำปลาทั่วไป (น้ำปลาแท้จากปลาไส้ตัน) ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่ปรุงรสด้วยน้ำตาลหรือสารปรุงแต่งรสอื่นใด ไม่เจือสี ไม่ใส่ผงชูรส และที่สำคัญไม่ทดแทน โซเดียมที่ลดลงด้วยโพแทสเซียม เหมือนที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไตหรือ โรคหัวใจ แต่เป็นการลดทั้งโซเดียมและโพแทสเซียมลงถึง 40% และไม่ได้เป็นน้ำปลาที่เจือจาง ดังนั้น โปรตีนและ กลิ่นรสของน้ำปลานี้จึงยังคงมีปริมาณสูง ซึ่งเราก็ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นน้ำปลาแท้ที่มีโซเดียมและ โพแทสเซียมต่ำ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เห็นว่าลดปริมาณทั้งสองอย่าง และทำให้ผู้ป่วยได้มีทางเลือกในการบริโภค น้ำปลาได้มากขึ้น ซึ่งยังไม่เคยมีที่ไหนผลิตน้ำปลาโซเดียมและโพแทสเซียมต่ำมาก่อน ถือเป็นครั้งแรกของไทยและ ของโลก 
  
 

 

 “คงเคยได้ยินว่าคนป่วยโรคไตและโรคหัวใจไม่ควรบริโภคน้ำปลาโซเดียมต่ำ เพราะใช้กรรมวิธีการผลิตที่ เอาโพแทสเซียมไปแทนโซเดียม เพราะฉะนั้น งานวิจัยชิ้นนี้จึงตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภคที่มีปัญหาเรื่องไตและ หัวใจ รวมถึงคนปรกติที่ไม่ป่วยก็สามารถบริโภคได้ ที่สำคัญไม่ต้องเสี่ยงกับโรคต่าง ๆ ที่อาจจะตามมาจากการ บริโภคน้ำปลา อาทิ โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งนำไปสู่โรคไตและโรคหัวใจในที่สุด” 

 

ศาสตราจารย์ ดร.สักกมน กล่าว  น้ำปลาแท้โซเดียมและโพแทสเซียมต่ำ จึงนับเป็นความหวังของผู้บริโภคทีเ่ ปน็ ผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ และ โรคอื่น ๆ ที่แพทย์สั่งให้ลดเค็ม สามารถบริโภคได้ในปริมาณปรกติที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ดั่งเดิม สามารถรับประทานอาหารที่มีรสชาติได้ และช่วยให้การรักษาเป็นไปด้วยความราบรื่นมากขึ้น เพราะจากผลสำรวจ พบว่า ครอบครัวของผู้ป่วยจำนวนมากพบปัญหาผู้ป่วยปฏิเสธอาหาร รวมถึงปฏิเสธการรักษา เนื่องจากไม่สามารถ รับประทานอาหารปรกติได้ จึงเกิดการต่อต้าน 

 

 

 

ดังนั้น นวัตกรรมนี้จึงตอบโจทย์ปัญหาของผู้ป่วยได้ และเป็น ทางเลือกสำหรับผู้ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ ถือเป็นน้ำปลาที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของผู้บริโภคอย่างแท้จริง  ปัจจุบัน ผลงานชิ้นนี้ถูกต่อยอดและพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัท ซุพีเรียร์ โปรดักส์ อินโนเวชั่น จำกัด (Superior Products Innovation Co. Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัท Spin-off ของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)  

 

โดยมีหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศ (บพข.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ถือ หุ้น 5% ดำเนินการผลิตและจำหน่าย “น้ำปลาแท้ลดโซเดียม ตรา ซองเต้ซอส (Sante Sauce)” ซึ่งคำว่า Sante มาจากภาษาฝรั่งเศส มีความหมายว่า สุขภาพ สินค้ามีวางจำหน่ายแล้วทั้งช่องทางออนไลน์และซุปเปอร์มาร์เก็ต ชั้นนำ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/naturalproduces  
///////////////// 
 

ข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจ