เมื่อ : 11 ก.ค. 2566

 

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566

ดร. กิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท Temple Generation Intermediate Holdings II LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BPP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น (Purchase and Sale Agreement) กับบริษัท CXA Temple 2 Holdco LLC เพื่อเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 100 ในบริษัท CXA Temple 2 LLC ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II (“Temple II”) ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 460 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่า 16060 ล้านบาท (เป็นเงินลงทุนของ BPP ตามสัดส่วนการลงทุน 230 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่า 8030 ล้านบาท) โดยรายการดังกล่าวได้ทำเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566

 

Temple II เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีขนาดกำลังการผลิต 755 เมกะวัตต์ (คิดเป็นกำลังการผลิตของ BPP ตามสัดส่วนการลงทุน 377.5 เมกะวัตต์) เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม 2558 ตั้งอยู่ติดกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I (“TempleI”) ในรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นรัฐที่มีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจ 

 

การขยายตัวของเมือง (Urbanization) และการเติบโตของจานวนประชากร ทั้งยังเป็นรัฐที่เป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานมากมาย โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines หรือ CCGT ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง มีความยืดหยุ่นในการเดินเครื่อง อยู่ในลำดับการเรียกจ่ายไฟฟ้า (merit order) ที่ดี ซึ่งสอดรับกับสภาพและการแข่งขันในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีของ Electric Reliability Council of Texas หรือ ERCOT 

 

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการควบคุมการปล่อยมลภาวะ ทำให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

 

BPP ได้เข้าลงทุนใน Temple I เมื่อปลายปี 2564 และเริ่มดำาเนินธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้าในรัฐเท็กซัส ซึ่งการลงทุนใน Temple II ในครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาของบริษัทฯ และช่วยสร้างการผนึกกำลังร่วม (Synergy) โดยได้ประโยชน์จากสถานที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่ง ทำให้สามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นและเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าทำให้สามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรในตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีการแข่งขันเสรี และสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันให้ได้ประโยชน์สูงสุดทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) 

 

นอกจากนี้ การมีกำลังผลิตเพิ่มเติมยัง ช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบในการบริหารจุดคุ้มทุน ช่วยกระจายความเสี่ยงด้านนธุรกิจไฟฟ้าที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่ อปุทาน อีกทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจึงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบริษัทฯ เพื่อให้บริษัทฯ บรรลุ เป้าหมายกำลังการผลิต 5300 เมกะวัตต์ภายในปี 2568