เมื่อ : 05 ก.พ. 2566


วันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2566) ในงาน “วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2566” ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  จัดกิจกรรม” Inter Invention Talk : นวัตกรรมไทยสู่เวทีระดับโลก”  โดยดึง “นายยุทธนากร คณะพันธ์”  นวัตกรอิสระ นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้พัฒนาผลงาน “แหล่งวัตถุดิบหมุนเวียนสำหรับการผลิตวัสดุซิลิกอนเป็นขั้วไฟฟ้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ที่สามารถอัดและคายประจุเร็ว”  ที่คว้ารางวัลเหรียญทองและรางวัล Grand Prize Commercial potential award   ผลงานที่มีศักยภาพสู่อุตสาหกรรมระดับนานาชาติ จากเวที 2022 Kaohsiung International Invention & Design Expo (KIDE 2022)  ที่ เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน  มาเป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมเผยเส้นทางจากนักศึกษา ไปสู่การเป็นนักวิจัย และจะก้าวไปสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างไร   โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักเรียน นักศึกษา รวมถึงอาจารย์และนักวิจัย เป็นอย่างมาก
นายยุทธนากร  กล่าวว่า จากปัญหาขยะโซล่าเซลล์ที่เพิ่มปริมาณมากขึ้น  ปัจจุบันการจัดการปัญหาดังกล่าวเกือบ   100 %  ยังใช้วิธีการฝังกลบ  ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยลดปัญหาโลกร้อนแล้ว ยังสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเทคโนโลยีในการรีไซเคิลที่มีอยู่มีราคาสูง ไม่คุ้มค่ากับการรีไซเคิล  ดังนั้นทีมวิจัยจึงคิดค้นเทคโนโลยีที่ใช้ในการรีไซเคิลขยะแผงโซล่าเซลล์ที่หมดอายุการใช้งาน โดยนำไปสู่การผลิตเป็นซิลิกอนเพื่ออุตสาหกรรมแบตเตอรี่ขึ้น ซึ่งเป็นการทำให้เรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียนเกิดขึ้นได้จริง  นอกจากนี้ยังสามารถผลิตซิลิกอนจากแกลบข้าวได้อีกด้วย

โดยผลิตภัณฑ์ที่ทีมวิจัยผลิตขึ้น ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “ RENEWSI “  มีจุดเด่นทางเทคโนโลยี คือ สามารถผลิตอนุภาคซิลิกอนได้หลากหลายขนาด  นำไปประยุกต์ใช้งานได้ในหลายอุตสาหกรรม  และที่สำคัญสามารถผลิตอนุภาคซิลิกอนที่มีขนาดเล็กมากในระดับนาโนเมตรได้ เป็นการเพิ่มมูลค่าจากซิลิกอนขนาดใหญ่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไปที่มีราคากิโลกรัมละ 50 บาท มาเป็นนาโนซิลิกอน  ที่มีราคาเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 1000 บาท   เหมาะสำหรับนำไปประยุกต์ใช้เป็นขั้วไฟฟ้าในแบตเตอรี่ลิเธียมไออน  ที่สามารถอัดและคายประจุได้อย่างรวดเร็วหรือ  fast charge     ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้มีทั้งไมโครซิลิกอน และนาโนซิลิกอน  
“ เมื่อเราคิดค้นนวัตกรรมขึ้นมาสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง ก็คือ ตลาดในบ้านเราที่จะต้องขายผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้ได้ก่อน  ในวันนี้เราอาจจะขายไมโครซิลิกอน กิโลกรัมละ 50 บาท เพื่อเลี้ยงตัวเองให้อยู่ได้ ในขณะเดียวกันเราก็ต้องพยายามที่จะสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นต่อไป  ซึ่งรองรับตลาดแบตเตอรี่โดยเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโต  เพื่อลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศอย่างยั่งยืน”